• หน้าแรก
  • ผลิตภัณฑ์
  • โปรโมชั่น
  • เพลินจิต
  • ข่าวสารและประชาสัมพันธ์
สุขภาพและความสวย

5 วิธีรับมือ “Heat stroke” ภัยร้ายหน้าร้อน

วันที่เผยแพร่: 16 มิ.ย. 64

ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้สภาพอากาศโดยทั่วไปมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ในสภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวหรือควบคุมระดับความร้อนภายในร่างกายจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดได้ โรคฮีทสโตรก (Heat stroke) หรือโรคลมแดด เป็นอีกหนึ่งโรคที่เราทุกคนต้องเฝ้าระวังในหน้าร้อนแบบนี้

สัญญาณเตือน Heat stroke
หากคุณมีอาการหน้ามืด เพ้อ กระสับกระส่าย มึนงง หายใจเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ตัวร้อนจัด อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิน 40 องศาเซลเซียสชักเกร็ง ช็อก จนถึงหมดสติ โปรดระวังเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนของโรคฮีทสโตรก และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้

มาดู 5 วิธีรับมือ “Heat stroke” ภัยร้ายหน้าร้อน
 

  1. สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อน ระบายความร้อนได้ดี และอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
  2. ลดหรือเลี่ยงทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงกลางแจ้งนานๆ สวมแว่นกันแดด กางร่ม สวมหมวกปีกกว้าง
  3. ควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ เพื่อชดเชยการเสียน้ำในร่างกายจากเหงื่อออก หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

   4. อย่าทิ้งเด็ก ผู้สูงอายุ หรือสัตว์เลี้ยงไว้ในรถที่จอดไว้กลางแจ้ง เนื่องจากอุณหภูมิภายในรถจะสูงกว่าภายนอก ส่วนผู้ที่ออกกำลังกาย ควรเลือกในช่วงเช้าหรือช่วงเย็น เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนมาก และเป็นเวลาที่เหมาะสม

   5. หมดกังวลเมื่อต้องเข้ารับการรักษาจาก Heat stroke ด้วยประกันภัยสุขภาพ IPD และ OPD คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณีผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cigna.co.th/partner-krungsri-general-insurance-broker

เราขอให้ทุกท่านดูแลสุขภาพของตนเองและหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดที่ร้อนจัด หากจำเป็นต้องอยู่กลางแดดให้กางร่มหรือใส่หมวก และควรดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ หากสงสัยผู้มีอาการเจ็บป่วยจากภาวะอากาศร้อน ควรให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยพาเข้าร่มหรือสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเท ให้ดื่มน้ำเย็นและเช็ดตัวด้วยน้ำเย็น ถ้ามีอาการรุนแรงหรือหมดสติควรรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

หากท่านอยู่ในสภาวะฉุกเฉินที่ต้องเข้าโรงพยาบาลทันที หมดกังวลการรักษาด้วย สิทธิ UCEP : Universal Coverage for Emergency Patients “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” สิทธิการรักษาตามนโยบายรัฐบาล เพื่อคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ ให้สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจนพ้นวิกฤติ หรือสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย แต่ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชน สำหรับกลุ่มอาการฉุกเฉินวิกฤตที่กำหนดใน “สิทธิ UCEP”คือ หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หายใจเร็ว หอบเหนื่อยรุนแรง หายใจติดขัดมีเสียงดัง ซึมลง เหงื่อแตก ตัวเย็น หรือมีอาการชักร่วม เจ็บหน้าอกเฉียบพลัน รุนแรง แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก พูดไม่ชัด แบบปัจจุบันทันด่วน หรือชักต่อเนื่องไม่หยุด หรือมีอาการอื่นร่วม ที่มีผลต่อการหายใจระบบการไหลเวียนโลหิตและระบบสมองที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต เมื่อมีอาการเจ็บป่วยฉุกเฉิน โทร 1669 ทั่วประเทศ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

บทความดัดแปลงจากเว็บไซต์:
https://www.moph.go.th/uploads/news/image/ 5bc78f1d9dfa57f92495cca39dbc43c6.jpg

บทความโดย : YUKII :)